Fund Flow ยังเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง เดือนมี.ค.-เม.ย.

Fund Flow ยังเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง เดือนมี.ค.-เม.ย.

หุ้นไทย ตอบรับเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แถมได้ปัจจัยหนุนในประเทศ จากศบค.เตรียมผ่อนคลายเพิ่มเติม ส่งผลดัชนีปิดซื้อขายที่ระดับ 1,681.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 97,760.69 ล้านบาท

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.ระบุว่า การซื้อหุ้นไทยวันนี้ ยืนในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประกาศเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณทยอยขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งปีนี้ ส่งผลให้ดัชนีซื้อขายที่ระดับ 1,681.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ 0.83% มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 97,760.69 ล้านบาท

 

สำหรับหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 1,123 หลักทรัพย์ ลดลง 682 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 637 หลักทรัพย์

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

BBGI มูลค่าการซื้อขาย 4,496.90 ล้านบาท ปิดที่ 10.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,720.21 ล้านบาท ปิดที่ 163.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,318.65 ล้านบาท ปิดที่ 143.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,994.02 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,912.96 ล้านบาท ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

 

ส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มพบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 557.26 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 838.00 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 5,751.38 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนต่างประเทศ เท่านั้นที่ซื้อสุทธิ 27,146.64 ล้านบาท

หากพิจารณาจากยอดการซื้อขายสะสมตั้งแต้ต้นปีจนถึงวันที่ 17 มี.ค. 2565 พบว่า นักลงทุนต่างยังเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิที่97,514.72 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 71,454.09 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 975.93 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 25,084.71 ล้านบาท

 

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัดกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่า จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากรัสเซียและยูเครนยังมีความพยายามเดินหน้าเจรจาหาข้อยุติสงคราม

 

ขณะที่ปัจจัยในประเทศได้แรงหนุนจากศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) เตรียมนำเสนอมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมหลายเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ เช่น การผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศระบบ Test&Go โดยอาจเหลือการตรวจ RT-PCR ก่อน หรือหลังเดินทางเข้ามาเพียง 1 ครั้ง

 

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังมี upside ในเดือน เม.ย.โดยเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) คาดว่าจะไหลเข้าต่อเนื่องในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงจ่ายเงินปันผล

 

“อาร์เอชบีฯคาดว่า จะมีดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาทั้งปีนี้ราว 1.4 แสนล้านบาท จากต้นปี 65 ม.ค.ถึงปัจจุบันมีเม็ดเงินเข้ามาแล้วทะลุ 9 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะเร่งเข้ามาในช่วงนี้เพราะเม.ย.บ้านเรามีวันหยุดยาว”

 

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ ให้แนวต้าน 1,700 จุด แนวรับ 1,677 จุด โดยติดตามปัจจัยการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร

อ้างอิง
https://www.thansettakij.com/money_market